สิ่งที่ประชาชนควรรู้ |
|
พระราชบัญญัติข้อมูล
ข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มีขึ้นเพื่อรองรับ " สิทธิได้รู้" (rights to
know) ของประชาชนซึ่งเป็นแกนสำคัญของสังคมประชาธิปไตย
โดยอาจพิจารณาได้จากบทบาท 2 ด้านดังนี้ |
|
ในทางการเมือง |
|
ระบบประชาธิปไตยเป็นระบบการปกครองของประชาชนโดย
ประชาชนและ เพื่อประชาชนซึ่งปรัญญานี้
จะสัมฤทธิผลเพียงใดขึ้นอยู่กับการให้บทบาท
ที่กว้างขวางแก่ประชาชนในการมีส่วนร่วมในการปกครอง (participatory
democracy) พื้นฐานเบื้องต้นที่ประชาชนจะใช้บทบาทของต้นให้ถูกต้องได้
นั้นคือประชาชน ต้องมีความรู้ในความเป็นไปของการปกครอง ว่าในขณะนี้
การปกครองได้ดำเนินการในเรื่องใดไว้อย่างไร เพื่อประชาชน
จะได้ติดตามตรวจสอบ และใช้สิทธิใช้เสียงในการปกครองได้ถูกต้อง
ไม่ว่าจะเพื่อการวิพากษ์วิจารณ์ การออกความเห็นในการจัดประชาพิจารณ์
การประท้วงแสดงพลังความต้องการ ตลอดจนการใช้สิทธิเลือกตั้ง |
|
ในการพิทักษ์สิทธิประโยชน์ |
|
องค์กรของรัฐและเจ้าหน้าที่ต่างๆ
ถูกสร้างเพื่อทำการแทนรัฐและประชาชนทั่วไป
พื่อให้การปกครองเป็นไปโดยเรียบร้อย และถูกต้องตามกฎหมาย
องค์ของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐจึงได้รับมอบหมายให้มีอำนาจหน้าที่
หลากหลายในการสัมพันธ์กับเอกชน โดยมีการออก "กฎระเบียบ"ต่างๆ
ขึ้นใช้ในการปกครอง และจะมีการออก " คำสั่งทางปกครอง"
เมื่อต้องการบังคับการให้เกิดผลในกฎหมาย ดังนั้นกฎ
ระเบียบและคำสั่งทางปกครองต่างๆ
จึงเป็นสิ่งที่ประชาชนทั่วไปควรได้รู้เพื่อที่จะพิเคราะห์ได้ว่ากรณีของตนผล
จะเป็นเช่นใด แตกต่างจากผู้อื่นอย่างไร
และโต้แย้งได้อย่างไรและเพียงใดอันการคุ้มครองสิทธิเฉพาะตัว ประชาชนแต่ละคน |
|
สิทธิของประชาชนหรือเอกชน พ.ร.บ. นี้ได้กำหนดสิทธิของประชาชนหรือเอกชนดังนี้ |
|
สิทธิในการขอคำปรึกษาการปฎิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
กับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะ เป็นหน่วยงานทาง
วิชาการและธุรการให้แก่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร
ของราชการและคณะกรรมการวินิจฉัย การเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ( มาตรา 6) |
|
สิทธิเข้าตรวจดูข้อมูลข่าวสารของราชการ บุคคล
ไม่ว่าจะมีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องหรือไม่ก็ตาม ย่อมมีสิทธิเข้าตรวจดู
ขอสำเนา หรือขอสำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องของข้อมูลข่าวสาร ของราชการ
ตามาตรา 9 ได้ คนต่างด้าวจะมีสิทธิ ตามมาตรานี้เพียงใด
ให้เป็นไปตามที่กำหนดโดยกฎกระทรวง (มาตรา 9) " คนต่างด้าว" หมายความว่า
บุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทยและไม่มี
ถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยและนิติบุคคคลดังต่อไปนี้ ( 1)
บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนที่มีทุนเกินกึ่งหนึ่ง เป็นของคนต่างด้าว
ใบหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือให้ถือว่าใบหุ้นนั้นคนต่างด้าว เป็นผู้ถือ ( 2)
สมาคมที่มีสมาชิกเกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว (3)
สมาคมหรือมูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์เพื่อ ประโยชน์ของคนต่างด้าว ( 4)
นิติบุคคลตาม (1) (2)(3) หรือนิติบุคคลอื่นใดที่มีผู้จัดการหรือกรรมการ
เกินกึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าว นิติบุคคลตามวรรค 1
ถ้าเข้าไปเป็นผู้จัดการหรือกรรมการ สมาชิก
หรือมีทุนในนิติบุคคลอื่นให้ถือว่า
ผู้จัดการหรือกรรมการหรือสมาชิกหรือเจ้าของทุน ดังกล่าวเป็นคนต่างด้าว
(มาตรา 4) |
|
สิทธิขอข้อมูลข่าวสารอื่นใดของราชการนอกจากข้อมูลข่าวสารของราชการ
ที่ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา แล้ว หรือที่จัดไว้ให้
ประชาชนเข้าตรวจดูได้แล้ว หรือที่มีการจัดให้ประชาชนได้ค้นคว้า ตามมาตรา 26
แล้ว โดยคำขอนั้นได้ระบุข้อมูลข่าวสารที่
ต้องการในลักษณะที่อาจเข้าใจได้ตามสมควร (มาตรา 11) |
|
สิทธิที่จะได้รู้ถึงข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับงาน ซึ่ง
หน่วยงานของรัฐจะต้องให้กับบุคคลนั้นหรือผู้กระทำแทน ได้ตรวจดู
หรือได้รับสำเนาข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ที่เกี่ยวกับบุคคลนั้น (มาตรา 25
วรรค1) |
|
สิทธิในการดำเนินการแทนผู้เยาว์คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ หรือเจ้าของข้อมูล ที่ถึงแก่กรรม ตาม
มาตรา 23 เกี่ยวกับการขอข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล
หรือการแจ้งข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ไปยังที่ใดของบุคคลดังกล่าว มาตรา 24
เกี่ยวกับการให้ความยินยอมให้หน่วยงานของรัฐที่ควบคุมดูแล
ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของคนเปิดเผยข้อมูลต่อ
หน่วยงานของรัฐแห่งอื่นหรือผู้อื่น และมาตรา 25
เกี่ยวกับการได้รู้ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน การขอให้แก้ไข
เปลี่ยนแปลง หรือลงข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้องตามที่เป็นจริง
รวมที้งมีสิทธิอุทธรณ์ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐมีคำสั่ง
ไม่ยินยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารนี้ (มาตรา 25 วรรค 5) |
|
สิทธิในการร้องเรียนผู้ใดเห็นว่าหน่วยงานของรัฐ
ไม่จัดพิมพ์ข้อมูลข่าวสาร ตามมาตรา
7 หรือไม่จัดข้อมูลข่าวสารไว้ให้ประชาชนตรวจดูได้ ตามมาตรา 9
หรือไม่จัดหาข้อมูลข่าวสารให้แก่ตนตามมาตรา 11 หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฎิบัติตาม
พระราชบัญญัตินี้หรือปฎิบัติหน้าที่ล่าช้า
หรือเห็นว่าตนไม่ได้รับความสะดวกโดย ไม่มีเหตุอันสมควร
ผู้นี้นมีสิทธิร้องเรียน ต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
เว้นแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการมีคำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ตามมาตรา
15 หรือคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้านตามมาตรา 17 หรือคำสั่งไม่แก้ไขเปลี่ยนเปลง
หรือลบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามมาตรา 25 ( มาตรา 13) |
|
สิทธิในการอุทธรณ์ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ มี
คำสั่งมิให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดตามมาตรา 14 หรือมาตรา 15
หรือมีคำสั่งไม่รับฟังคำคัดค้านของผู้มีประโยชน์ได้เสีย ตามมาตรา 17
ผู้นั้นอาจอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายใน 15
วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งนั้น โดยยื่นคำอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ (มาตรา 18)
แต่ถ้าอุทธรณ์คำสั่งไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลง
หรือลบข้อมูลข่าวสารให้ตรวจตามที่มีคำขอ
ผู้นั้นมีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายใน
30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งโดยยื่นคำอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการ
ไม่ว่ากรณีใดๆให้เจ้าของข้อมูลมีสิทธิร้องขอให้หน่วยงานของรัฐ
หมายเหตุคำขอของคนแนบไว้กับข้อมูลข่าวสาร ส่วนที่เกี่ยวข้อง |
สิทธิอื่นๆที่ประชาชนควรรู้ |
 |
ขั้นตอนการให้บริการข้อมูล |
 |
คู่มือประชาชน สิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร |
 |
คู่มือสิทธิประชาชน ในการปฏิบัติราชการทางปกครอง |
 |
แนะนำการใช้บริการศูนย์ข้อมูลข่าวสารจังหวัดสตูล |
 |
ประชาชนมีสิทธิยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารได้ทุกเรื่อง |
|
ตัวอย่างคำขอข้อมูลข่าวสาร |
|
คู่มือสิทธิประชาชน ในการปฏิบัติราชการทางปกครอง |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น