ข่าวประชาสัมพันธ์ / เอกสารเพื่อการประชาสัมพันธ์ | |
- ขอให้หน่วยงานที่ยังไม่ส่ง link จัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับ พรบ.ข้อมูลข่าวสารให้จัดส่งมายัง satunweb@gmail.com ภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2557 - New | |
ไฟล์บรรยาย พรบ.ข้อมูลข่าวสารจังหวัดสตูล เมื่อวันที่ 7/05/57 New แผ่นพับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ | |
แผ่นพับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารจังหวัดสตูล | |
โปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ | |
พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 | |
แผ่นพับ สิทธิรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนและการคุ้มครองเยียวยา ตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 | |
สรุปรายชื่อกระทรวงและจังหวัดที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นหน่วยงานต้นแบบ ในการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลข่าวสาร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2556 |
สำหรับประชาชน
ขั้นตอนการร้องเรียน |
1. พิจารณาว่าพฤติการณ์ หรือการปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐได้มีลักษณะตามกรณีดังต่อไปนี้หรือไม่
1) กรณีไม่นำข้อมูลข่าวสาร ตามมาตรา 7 ลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา
2) กรณีไม่จัดข้อมูลข่าวสาร ตามมาตรา 9 ให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้
3) กรณีไม่จัดหาข้อมูลข่าวสารให้แก่ผู้ใช้สิทธิขอดู ตามมาตรา 11
4) กรณีไม่ให้คำแนะนำที่ถูกต้อง หรือไม่ส่งคำขอให้หน่วยงานผู้จัดทำข้อมูลข่าวสารพิจารณา ตามมาตรา 12
5) กรณีไม่แจ้งให้ผู้มีประโยชน์ได้เสียเสนอคำคัดค้านการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ของราชการ ตามมาตรา 17
6) กรณีไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการจัดระบบข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ตามมาตรา 23
7) กรณีเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล โดยปราศจากความยินยอมเป็นหนังสือจากเจ้าของข้อมูล ตามมาตรา 24
8) กรณีกระทบกระเทือนสิทธิของเจ้าของข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล โดยฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม มาตรา 25 (ยกเว้นเป็นกรณี ตามมาตรา 25 วรรคสี่)
9) กรณีไม่ส่งมอบข้อมูลข่าวสารประวัติศาสตร์ให้กับหอจดหมายเหตุเพื่อคัดเลือก ไว้ให้ประชาชนได้ศึกษาค้นคว้า ตามมาตรา 26
10) กรณีหน่วยงานของรัฐปฏิบัติหน้าที่ล่าช้า หรือไม่ให้บริการข้อมูลข่าวสาร ตามมาตรา 13
11) กรณีไม่ได้รับความสะดวกในการใช้สิทธิรับรู้ข้อมูลข่าวสารโดยไม่มีเหตุอัน สมควร ตามมาตรา 13
12) กรณีหน่วยงานของรัฐปฏิเสธว่าไม่มีข้อมูลข่าวสารตามที่ร้องขอ และผู้ร้องขอไม่เชื่อว่าเป็นความจริง (มาตรา 33)
2. ยื่นหนังสือร้องเรียนด้วยตนเองหรือมอบฉันทะให้ผู้อื่นมายื่นแทน
สามารถยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการได้ทันที
โดยยื่นที่สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ชั้น 2) ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร 10300
หรือจะส่งหนังสือร้องเรียนทางไปรษณีย์ก็ได้ โดยจ่าหน้าซองดังนี้
ขั้นตอนการอุทธรณ์ |
ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะสาขาที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลข่าวสารนั้นดำเนินการ พิจารณาวินิจฉัย โดยมีขั้นตอนและวิธีการอุทธรณ์ ดังต่อไปนี้
1. พิจารณาว่าหน่วยงานของรัฐได้กระทำหรือปฏิบัติตามกรณีดังต่อไปนี้แล้วหรือไม่
1) กรณีหน่วยงานของรัฐมีคำสั่งไม่เปิดเผยข้อมูลข่าวสารตามที่ได้มีคำขอ
2) กรณีหน่วยงานของรัฐปฏิเสธไม่รับฟังคำคัดค้านการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ซึ่งบุคคลผู้คัดค้านทราบว่าตนมีประโยชน์ได้เสีย
และผู้มีประโยชน์ได้เสียนั้นได้เสนอคำคัดค้านพร้อมเหตุผลประกอบเพื่อให้ หน่วยงานของรัฐเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวแล้ว
3) กรณีหน่วยงานของรัฐไม่ยินยอมแก้ไขข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลตามคำขอ เมื่อบุคคลใดเห็นว่าข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน
ซึ่งหน่วยงานของรัฐจัดเก็บไว้ไม่ถูกต้องตามที่เป็นจริง และได้ยื่นคำขอเป็นหนังสือให้หน่วยงานของรัฐเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ถูกต้อง
2. ยื่นหนังสืออุทธรณ์ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร
สามารถยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ หรือส่งหนังสืออุทธรณ์ทางไปรษณีย์ที่
สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (ชั้น 2) ทำเนียบรัฐบาล กรุงเทพมหานคร 10300
โทรศัพท์ 0-2281-8559 โทรสาร 0-2281-8543
3. รอฟังผลการพิจารณาของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายใน 60 วัน
ข้อแนะนำในตรวจดูข้อมูล |
ประชาชนมีสิทธิยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารได้ทุกเรื่อง
สิทธิในการยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารนี้
ถือว่าเป็นไปตามมาตรา 11 ของกฎหมาย
ประชาชนมีสิทธิยื่นคำขอข้อมูลข่าวสารของราชการได้ทุกเรื่อง
โดยกฎหมายไม่ได้กำหนดข้อจำกัดหรือข้อห้ามว่าไม่ให้ยื่นคำขอข้อมูลข่าวสาร
ประเภทใดหรือเรื่องใด
และผู้ใช้สิทธิยื่นคำขอตามกฎหมายนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมีส่วนได้ส่วนเสียเช่น
เดียวกับสิทธิเข้าตรวจดูข้อมูลข่าวสาร
สิทธิในการเข้าตรวจดู
สิทธิในการเข้าตรวจดูข้อมูลข่าวสารของราชการ ประชาชนสามารถทำได้
แม้ว่าจะไม่มีส่วนได้เสียเกี่ยวข้องกับข้อมูลข่าวสารนั้น
โดยกฎหมายได้บัญญัติให้หน่วยงานของรัฐจะต้องเตรียมข้อมูลข่าวสารของราชการ
อย่างน้อยตามรายการที่กฎหมายกำหนดไว้ตามมาตรา 9
นำไปรวมไว้ที่ศูนย์ข้อมูลข่าวสารของราชการ เพื่อให้ประชาชนเข้าตรวจดูได้
เช่น แผนงานโครงการและงบประมาณ สัญญาสัมปทาน สัญญาที่มีลักษณะผูกขาดตัดตอน
เป็นต้น
สิทธิในการขอสำเนาหรือการรับรองสำเนาถูกต้อง
เมื่อประชาชนได้ใช้สิทธิเข้าตรวจดู แล้ว หากสนใจข้อมูลข่าวสารของราชการในเรื่องใดก็มีสิทธิที่จะขอสำเนา และขอให้รับรองสำเนาถูกต้องจากหน่วยงานของรัฐในเรื่องนั้นได้
หมายเหตุ การ ขอสำเนาผู้ขออาจต้องเสียค่าธรรมเนียมในการถ่ายสำเนาให้กับหน่วยงานของรัฐที่ เข้าตรวจดูด้วย แต่ทั้งนี้จะเก็บค่าธรรมเนียมเกินกว่าหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร ของราชการให้ความเห็นชอบไม่ได้
บุคคลมีสิทธิยื่นคำขอเป็นหนังสือเพื่อขอตรวจดูหรือขอสำเนาข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนเอง (มาตรา 25 วรรคหนึ่ง)
เป็นกรณีที่หน่วยงานของรัฐแห่งหนึ่งแห่งใด
ที่มีการรวบรวมข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลของบุคคลหนึ่งบุคคลใดไว้ เช่น
ประวัติสุขภาพ ประวัติการทำงาน หรือข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับฐานะการเงิน
เป็นต้น บุคคลผู้นั้นก็มีสิทธิตามกฎหมายที่จะขอตรวจดู
หรือขอสำเนาข้อมูลข่าวสารดังกล่าวนี้ของตนเองได้
คำว่า บุคคล ตามที่นี้ก็คือ
ประชาชนโดยทั่วไปนั่นเอง ทั้งนี้
กฎหมายข้อมูลข่าวสารของราชการในส่วนที่เกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลได้
ให้สิทธิครอบคลุมไปถึงคนที่ไม่มีสัญชาติไทยแต่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยด้วย
การแก้ไขข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล |
เปลี่ยนแปลง หรือลบข้อมูลข่าวสารส่วนที่เห็นว่าไม่ถูกต้องตามที่เป็นจริงได้ (มาตรา 25 วรรคสาม)
หากตรวจดูข้อมูลข่าวสารแล้วพบว่ามีข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลในส่วนของตนเองส่วนหนึ่งส่วนใดที่ไม่ถูกต้องก็สามารถที่จะยื่นคำขอให้
หน่วยงานของรัฐดำเนินการแก้ไข
ได้
ถ้าหน่วยงานของรัฐไม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสารให้ตรงตามที่มีคำ
ขอ ผู้ที่ยื่นคำขอก็มีสิทธิที่จะยื่นอุทธรณ์
ต่อคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารภายในสามสิบวันนับแต่วันได้รับแจ้งคำสั่งไม่ยินยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือลบข้อมูลข่าวสาร
กรณีที่เจ้าของข้อมูลเป็นผู้เยาว์
คนไร้ความสามารถ คนเสมือนไร้ความสามารถ
หรือเป็นเจ้าของข้อมูลที่ถึงแก่กรรมแล้ว กฎหมายกำหนดให้บุคคลตามที่
กฎกระทรวงกำหนดใช้สิทธิในเรื่องการคุ้มครองข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล การขอตรวจสอบและการขอให้มีการแก้ไขแทนได้ (มาตรา 25 วรรคห้า)
เช่น ในกรณีที่มีผู้ถึงแก่กรรมและไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ ให้บุคคลที่กฎหมายกำหนดตามลำดับต่อไปนี้ใช้สิทธิแทน
(1) บุตรชอบด้วยกฎหมาย
(2) คู่สมรส
(3) บิดาหรือมารดา
(4) ผู้สืบสันดาน
(5) พี่น้องร่วมบิดา มารดา
(2) คู่สมรส
(3) บิดาหรือมารดา
(4) ผู้สืบสันดาน
(5) พี่น้องร่วมบิดา มารดา